รายงานข่าวแจ้งว่า นายกฤษฎา มนเทียรวิเชียรฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มมิตรผล เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากแทรนด์ของอุตสาหกรรมรถยนต์ที่หันมาสู่การใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) มากขึ้น ขณะเดียวกันรัฐบาลไทยยังสนับสนุนให้เกิดการลงทุนด้วยนั้น ดังนั้นในอนาคตพลังงานประเภทอื่นอย่างเอทานอลจะมีปริมาณการใช้ลดลง บริษัทจึงปรับแผนการดำเนินงานเพื่อรับมือในช่วงระยะ 5-10 ปี โดยจากเดิมผลิตออกมาเป็นเอทานอลก็เปลี่ยนมาเป็นยูทานอล (Eutanol) ใช้เป็นส่วนผสมผลิตภัณฑ์พลาสติกจำพวกขวดต่าง ๆ แทน รวมถึงขยายสัดส่วนไปสู่การผลิตพลังงานไฟฟ้าเพื่อขาย ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนผลิตภัณฑ์ของเอทานอลจะอยู่ 34%
สำหรับแผนการลงทุนของกลุ่มมิตรผลยังคงมองศักยภาพในประเทศไทย เพราะพื้นที่เพาะปลูกมีความเหมาะสม เนื่องจากภาครัฐโดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ได้ปลดล็อคพื้นที่จัดตั้งโรงงานน้ำตาลเพิ่มขึ้น และการลดระยะห่างในการจัดตั้งโรงงานเหลือ 50 กิโลเมตร มาตรการส่งเสริมการปลูกอ้อยให้ชาวไร่ ทำให้โรงงานน้ำตาลขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 52 แห่งทั่วประเทศ
สำหรับแผนการลงทุนของกลุ่มมิตรผลยังคงมองศักยภาพในประเทศไทย เพราะพื้นที่เพาะปลูกมีความเหมาะสม เนื่องจากภาครัฐโดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ได้ปลดล็อคพื้นที่จัดตั้งโรงงานน้ำตาลเพิ่มขึ้น และการลดระยะห่างในการจัดตั้งโรงงานเหลือ 50 กิโลเมตร มาตรการส่งเสริมการปลูกอ้อยให้ชาวไร่ ทำให้โรงงานน้ำตาลขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 52 แห่งทั่วประเทศ
ดังนั้นแผนการลงทุนในประเทศ 5 ปี (2560-2564) นายบรรเทิง ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มธุรกิจ กลุ่มงานอ้อย กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า หลังได้รับใบอนุญาตตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล (สอน.) และได้ใบอนุญาตตั้งโรงงาน (รง.4) จาก กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว บริษัทเตรียมเม็ดเงิน 20,000 ล้านบาท ตั้งโรงงานน้ำตาล 4 แห่ง ใน จ.อำนาจเจริญเป็นแห่งแรก และตามมาด้วย จ.ขอนแก่น จ.ร้อยเอ็ด และ จ.ชัยภูมิ
โดยใช้งบลงทุนโรงงานละ 5,000 ล้านบาท บนพื้นที่ประมาณ 1,000 ไร่ กำลังการผลิต 20,000 ตันต่อวัน/โรง โดยจะใช้พื้นที่ปลูกอ้อย 300,000-400,000 ไร่ต่อโรงงาน และจะเริ่มก่อสร้างภายในปลายปี 2559 หลังจากที่ทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) เสร็จภายใน 2 เดือนจากนี้ ทั้งนี้โรงงานน้ำตาลใหม่ทั้ง 4 แห่งจะยังไม่สามารถผลิตเอทานอลได้ ดังนั้นจึงจะส่งผลให้กลุ่มมิตรผล มีโรงงานน้ำตาลในประเทศไทยทั้งหมด 10 แห่ง ขายในประเทศ 30% และส่งออก 70% ในกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นหลักอย่างจีน อินโดนีเชีย เป็นต้น ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 20% อันดับ 1 ของประเทศด้วยกำลังหีบอ้อย 20 ล้านตันต่อปี ผลิตเป็นน้ำตาล 2.3 ล้านตัน
ทั้งนี้ ตามนโยบายรัฐที่โดยกระทรวงอุตสาหกรรม กำหนด 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) ออกมาบริษัทมองว่าอ้อยยังคงเป็นพืชเกษตรที่สามารถต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้ ดังนั้นแผนการดำเนินในอนาคตมีความเป็นไปได้สูงที่กลุ่มมิตรผลจะหันมาผลิต ผลิตภัณฑ์ประเภทยา สอดรับกับ S-Curve ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนเรื่องสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ด้านภาษี จากทั้งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และกระทรวงการคลังอีกด้วย
โดยใช้งบลงทุนโรงงานละ 5,000 ล้านบาท บนพื้นที่ประมาณ 1,000 ไร่ กำลังการผลิต 20,000 ตันต่อวัน/โรง โดยจะใช้พื้นที่ปลูกอ้อย 300,000-400,000 ไร่ต่อโรงงาน และจะเริ่มก่อสร้างภายในปลายปี 2559 หลังจากที่ทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) เสร็จภายใน 2 เดือนจากนี้ ทั้งนี้โรงงานน้ำตาลใหม่ทั้ง 4 แห่งจะยังไม่สามารถผลิตเอทานอลได้ ดังนั้นจึงจะส่งผลให้กลุ่มมิตรผล มีโรงงานน้ำตาลในประเทศไทยทั้งหมด 10 แห่ง ขายในประเทศ 30% และส่งออก 70% ในกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นหลักอย่างจีน อินโดนีเชีย เป็นต้น ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 20% อันดับ 1 ของประเทศด้วยกำลังหีบอ้อย 20 ล้านตันต่อปี ผลิตเป็นน้ำตาล 2.3 ล้านตัน
ทั้งนี้ ตามนโยบายรัฐที่โดยกระทรวงอุตสาหกรรม กำหนด 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) ออกมาบริษัทมองว่าอ้อยยังคงเป็นพืชเกษตรที่สามารถต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้ ดังนั้นแผนการดำเนินในอนาคตมีความเป็นไปได้สูงที่กลุ่มมิตรผลจะหันมาผลิต ผลิตภัณฑ์ประเภทยา สอดรับกับ S-Curve ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนเรื่องสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ด้านภาษี จากทั้งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และกระทรวงการคลังอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น