อาการปวดหลังร้าวลงไปที่บริเวณสะโพก บริเวณด้านหลังของต้นขาและบางครั้งอาจมีการปวดร้าวลงบริเวณน่อง ร่วมกับมีอาการชาบริเวณหลังเท้าและส้นเท้าร่วมด้วย
สาเหตุของอาการปวดหลังเป็นได้หลายอย่าง ส่วนมากที่เป็นกันในกลุ่มที่อายุ 40 ปีขึ้นไป คือ การเริ่มมีการเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลัง และมีการอักเสบของกระดูกข้อต่อ รวมทั้งการอักเสบภายในโพรงประสาท
สาเหตุของอาการปวดหลังเป็นได้หลายอย่าง ส่วนมากที่เป็นกันในกลุ่มที่อายุ 40 ปีขึ้นไป คือ การเริ่มมีการเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลัง และมีการอักเสบของกระดูกข้อต่อ รวมทั้งการอักเสบภายในโพรงประสาท
แนวทางการรักษาได้แก่
1. การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ได้แก่ หลีกเลี่ยงการนั่งกับพื้น การนั่งยองๆ ควรนั่งเก้าอี้ที่มีพนักพิง หลีกเลี่ยงการก้มยกของหนัก หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายโดนการ ѕιт υp
2. ถ้าท่านมีน้ำหนักมาก ควรลดน้ำหนักเพราะน้ำหนักมากจะทำให้ข้อกระดูกสันหลังรับน้ำหนักมาก
3. การบริหารกล้ามเนื้อหลังที่ดีคือ การว่ายน้ำท่าฟรีสไตล์
4. การรับประทานยาเพื่อลดการอักเสบ ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวด ก็จะช่วยบรรเทาอาการ
5. การฉีดยาเข้าโพรงประสาทโดยการใช้เครื่องเสียงความถี่สูงช่วยระบุตำแหน่งในการฉีดยา ก็จะช่วยในการลดการอักเสบ และบรรเทาปวดได้สักระยะหนึ่ง
การฉีดยาสามารถฉีดซ้ำได้เรื่อยๆ ยาที่ฉีดมีทั้งที่เป็นสเตียรอยด์และไม่ใช่สเตียรอยด์ การฉีดนั้นขึ้นกับเทคนิกการฉีด ไม่ได้มีปัญหาหรืออันตรายต่อร่างกายมากครับ ปกติถ้าฉีดยามากกว่า 3 ครั้งขึ้นไป ผมจะใช้ยาฉีดลดการอักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เพื่อลดการอักเสบและอาการปวด ลดความกังวลของคนไข้ที่ต้องใช้ยา ซึ่งผลการระงับปวดได้ผลดีไม่ต่างจากสเตียรอยด์
ส่วนใหญ่หลังฉีดอาการมักจะดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ ถ้าไม่ดีขึ้นแสดงว่าน่าจะมีหมอนรองกระดูกขนาดใหญ่มากดทับเส้นประสาท ทำให้เส้นประสาทบวมมาก ถ้าไม่ดีขึ้นจริงๆ อาจจะต้องตรวจ MRIเพิ่มเติม เพื่อดูว่าหมอนรองกดมากหรือเปล่า และอาจจะลองฉีดยาซำ้อีก 3-4 ครั้งร่วมกับการปรับยารับประทาน ถ้าไม่ดีขึ้นจริงๆถึงจะพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัด นอกจากนี้ยังมียาลดการอักเสบอื่นที่ไม่ใช่สเตียรอยด์กHสามารถฉีดเพื่อลดการอักเสบได้ บรรเทาอาการปวดได้ดี
ถ้ารักษาตามแนวทางทั้งหมดมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง อาการไม่ดีขึ้น ก็อาจจะพิจารณาการตรวจด้วย MRI หรือการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อประเมินว่า มีการกดทับสารทมากน้อยเพียงใด มีโรคอื่นแทรกซ้อนอยู่หรือไม่ มากกว่า80% ของผู้ที่มีอาการปวดหลังสามารถให้การรักษาได้ดวยวิธีการเหล่านี้ ปวดหลัง รักษาได้ ไม่ผ่าตัด
ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์
ขอบคุณเจ้าของภาพและข้อความดีๆนะคะ
1. การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ได้แก่ หลีกเลี่ยงการนั่งกับพื้น การนั่งยองๆ ควรนั่งเก้าอี้ที่มีพนักพิง หลีกเลี่ยงการก้มยกของหนัก หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายโดนการ ѕιт υp
2. ถ้าท่านมีน้ำหนักมาก ควรลดน้ำหนักเพราะน้ำหนักมากจะทำให้ข้อกระดูกสันหลังรับน้ำหนักมาก
3. การบริหารกล้ามเนื้อหลังที่ดีคือ การว่ายน้ำท่าฟรีสไตล์
4. การรับประทานยาเพื่อลดการอักเสบ ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวด ก็จะช่วยบรรเทาอาการ
5. การฉีดยาเข้าโพรงประสาทโดยการใช้เครื่องเสียงความถี่สูงช่วยระบุตำแหน่งในการฉีดยา ก็จะช่วยในการลดการอักเสบ และบรรเทาปวดได้สักระยะหนึ่ง
การฉีดยาสามารถฉีดซ้ำได้เรื่อยๆ ยาที่ฉีดมีทั้งที่เป็นสเตียรอยด์และไม่ใช่สเตียรอยด์ การฉีดนั้นขึ้นกับเทคนิกการฉีด ไม่ได้มีปัญหาหรืออันตรายต่อร่างกายมากครับ ปกติถ้าฉีดยามากกว่า 3 ครั้งขึ้นไป ผมจะใช้ยาฉีดลดการอักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เพื่อลดการอักเสบและอาการปวด ลดความกังวลของคนไข้ที่ต้องใช้ยา ซึ่งผลการระงับปวดได้ผลดีไม่ต่างจากสเตียรอยด์
ส่วนใหญ่หลังฉีดอาการมักจะดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ ถ้าไม่ดีขึ้นแสดงว่าน่าจะมีหมอนรองกระดูกขนาดใหญ่มากดทับเส้นประสาท ทำให้เส้นประสาทบวมมาก ถ้าไม่ดีขึ้นจริงๆ อาจจะต้องตรวจ MRIเพิ่มเติม เพื่อดูว่าหมอนรองกดมากหรือเปล่า และอาจจะลองฉีดยาซำ้อีก 3-4 ครั้งร่วมกับการปรับยารับประทาน ถ้าไม่ดีขึ้นจริงๆถึงจะพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัด นอกจากนี้ยังมียาลดการอักเสบอื่นที่ไม่ใช่สเตียรอยด์กHสามารถฉีดเพื่อลดการอักเสบได้ บรรเทาอาการปวดได้ดี
ถ้ารักษาตามแนวทางทั้งหมดมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง อาการไม่ดีขึ้น ก็อาจจะพิจารณาการตรวจด้วย MRI หรือการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อประเมินว่า มีการกดทับสารทมากน้อยเพียงใด มีโรคอื่นแทรกซ้อนอยู่หรือไม่ มากกว่า80% ของผู้ที่มีอาการปวดหลังสามารถให้การรักษาได้ดวยวิธีการเหล่านี้ ปวดหลัง รักษาได้ ไม่ผ่าตัด
ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์
ขอบคุณเจ้าของภาพและข้อความดีๆนะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น